ประวัติความเป็นมาของสถานีตำรวจภูธรวังชิ้นจังหวัดแพร่

 

ที่่ตั้ง

           สถานีตำรวจภูธรวังชิ้น จังหวัดแพร่ ตั้งอยู่เลขที่ 116 หมู่ที่ 7 ตำบลวังชิ้น อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ มีพื้นที่ทั้งหมด จำนวน 12 ไร่ 3 งาน 76 ตารางวา

  ประวัติความเป็นมา

           ที่มาของชื่อ “วังชิ้น” จาก ประวัติที่เล่าสืบต่อกันมาว่าที่บ้านผาวัวเลีย(ปัจจุบันอยู่ระหว่างท่าน้ำ หน้าวัดบ้านนาใหม่กับท่าวัดบ้านวังชิ้น)ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำยม จะเป็นบริเวณที่แม่น้ำลึกมาก ซึ่งบริเวณที่มีน้ำลึกมากๆ นี้ ชาวบ้านจะเรียกว่าบริเวณนั้นว่า “วัง” ในฤดูแล้งแม่น้ำยมจะแห้งขอด แต่บริเวณ “วัง” จะยังคงมีน้ำขังตลอดทั้งปี สัตว์นานาชนิดจะอาศัยเป็นแหล่งน้ำกิน โดยเฉพาะวัวป่า เป็นเหตุให้พรานป่าล่าเนื้อ(ภาษาคำเมืองคำว่า “เนื้อ”เรียกว่า “จิ้น”)พากันมาล่าวัวป่า และแล่เนื้อบริเวณวังนั้นเอง ชาว
บ้านจึงเรียกบริเวณนั้นว่า “วังจิ้น” อันเป็นที่มาของคำว่า “วังชิ้น” ในเวลาต่อมาจนถึงปัจจุบัน

 

           อำเภอวังชิ้น เดิมเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง ต่อมาได้โอนการปกครองมาขึ้นกับ อำเภอลอง จังหวัดแพร่ ยกฐานะเป็นกิ่งอำเภอ
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2481 และเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2501 ได้ยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอวังชิ้น

           สถานีตำรวจภูธรอำเภอวังชิ้น มีการปรับเปลี่ยนฐานะของ หัวหน้าสถานี ดังนี้
                           (1) ปี พ.ศ.2503       หัวหน้าสถานี เป็น ผู้บังคับกอง
                           (2) ปี พ.ศ.2518       หัวหน้าสถานี เป็น สารวัตร
                           (3) ปี พ.ศ.2534       หัวหน้าสถานี เป็น สารวัตรใหญ่
                           (4) ปี พ.ศ.2537       หัวหน้าสถานี เป็น รองผู้กำกับการ หัวหน้า
                           (5) ปี พ.ศ.2545       หัวหน้าสถานี เป็น ผู้กำกับการ

 

   พื้นที่รับผิดชอบ

            เขตพื้นที่รับผิดชอบทั้งหมด 1,217 ตารางกิโลเมตร สภาพพื้นที่โดยทั่วไป ประมาณ 70% เป็นป่าเขาเหลือประมาณ 30%เป็นที่ราบระหว่าง
ภูเขา ซึ่งประชาชนใช้เป็นที่อยู่อาศัย และทำการเกษตร โดยมีแม่น้ำยม และน้ำจากห้วยแม่สรอยเป็นแหล่งน้ำสำคัญ

 

   จำนวนประชากร

            มีประชากรทั้งหมด 26,790 คน แยกเป็นชาย   13,334  คน เป็นหญิง   13,456 คน

 

อาชีพ

            ประชากรส่วนใหญ่มีอาชีพการทำสวนส้มเขียวหวาน การทำนา ทำไร่ ซึ่งทำกันบริเวณที่ราบระหว่างภูเขา และตามเชิงเขาต่างๆ ทำให้มีอาชีพเสริมหรืออาชีพ
สำรองคือการหาของป่า

 

   อาณาเขตติดต่อ

            ทิศเหนือ          ติดต่อกับอำเภอลอง จังหวัดแพร่
            ทิศใต้              ติดต่อกับอำเภอศรีสัชชนาลัย จังหวัดสุโขทัยและอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง
            ทิศตะวันออก     ติดต่อกับอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่และอำเภอศรีสัชชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
            ทิศตะวันตก       ติดต่อกับอำเภอแม่ทะ, อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง

 

   การคมนาคม

            มีเส้นทางคมนาคมติดต่อระหว่างอำเภอกับจังหวัด และอำเภอใกล้เคียง 3 ทิศทาง เป็นถนนลาดยางสามารถใช้ในการคมนาคมทุกฤดูกาล ส่วนภายในอำเภอมีเส้นทางคมนาคมติดต่อระหว่างหมู่บ้านต่างๆ ได้ทุกหมู่บ้านและใช้ได้ทุกฤดูกาลเช่นกัน ส่วนการคมนาคมทางน้ำ ตามแม่น้ำยมมีการใช้น้อยเนื่องจากจะตื้นเขินในฤดูแล้ง และน้ำ
เชี่ยวในหน้าฝน มักใช้ในการขนส้มเขียวหวานข้ามแม่น้ำเท่านั้น

เส้นทางคมนาคมจากอำเภอวังชิ้น ถึงจังหวัดแพร่ ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร

เส้นทางคมนาคมจากอำเภอวังชิ้น ถึงอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง ระยะทางประมาณ 53 กิโลเมตร

เส้นทางคมนาคมจากอำเภอวังชิ้น ถึงอำเภอศรีสัชชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ระยะทางประมาณ 75 กิโลเมตร

 

    พื้นที่รับผิดชอบ

            สถานีตำรวจภูธรวังชิ้น รับผิดชอบ 4 ตำบล    45 หมู่บ้าน ดังนี้

                           ตำบลวังชิ้น
                           ตำบลแม่พุง
                           ตำบลแม่เกิ๋ง
                           ตำบลแม่ป้าก
                      

จำนวน 11 หมู่บ้าน
จำนวน 16 หมู่บ้าน
จำนวน 8 หมู่บ้าน
จำนวน 10 หมู่บ้าน

           โดยมีเทศบาลตำบล 1 เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล 4 ตำบล ใ

          

 

    สถานภาพกำลังพล

¢สถานีตำรวจภูธรวังชิ้น  มีกำลังพลทั้งหมด                จำนวน   51   นาย

¢    ชั้นสัญญาบัตร                                                  จำนวน      25   นาย

¢    ชั้นประทวน                                                     จำนวน      26  นาย

¢    ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการ นอกหน่วย       จำนวน       1  นาย

¢    ข้าราชการตำรวจมาช่วยราชการ                       จำนวน       1  นาย

¢     ปฏิบัติงานจริง                                               จำนวน   51   นาย 

¢    เฉลี่ย ตำรวจ 1 นายรับผิดชอบพื้นที่ 24 ตารางกิโลเมตร

    และรับผิดชอบประชากร 546 คน